![]() |
เคยไหม...ที่ซื้อของบางอย่างมา แต่พอถึงบ้านกลับนึกไม่ออกว่า ซื้อมาทำไม?
เคยไหม...ที่จดรายการของที่ต้องซื้อเอาไว้
แต่ดันซื้อของนอกรายการกลับมาเต็มไปหมด
เคยไหม...ที่เจอสินค้าหน้าตาน่าเกลียด
แต่พอเห็นคนใช้มาก ๆ เข้าก็รู้สึกอยากได้ขึ้นมาบ้าง
...ถ้าเคย นั่นหมายความว่า สมองของคุณ
โดนพลังงานลึกลับบางอย่างเล่นงานเข้าให้แล้ว!!
ยอมรับกันมาเถอะว่า เราทุกคนต่างก็เป็นผู้บริโภค กันทั้งนั้น และที่สำคัญคือ
เราต่างก็คุ้นเคยกับการ โฆษณา ที่ในทุกวันนี้แทบจะมีอยู่ทุกที่ทุกตารางเมตร
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ เพราะจากการวิจัยของ Martin Lindstrom ได้ทำการพิสูจน์มาแล้วว่า
คนเรามักจะได้ดูการโฆษณา อย่างน้อย 2 ล้านชิ้น (นับตั้งแต่เกิดจนอายุ 66 ปี)
หรือเทียบได้ว่าดู 24 ชม. ต่อวัน เป็นเวลา 7
วันต่อสัปดาห์
และติดต่อกันทุกสัปดาห์เป็นเวลา 6 ปีเลยทีเดียว
ในขณะที่ความทรงจำระยะสั้นของเรานั้นก็มีพื้นที่อันจำกัด
ดังนั้นการจดจำอะไรบางอย่างที่ผ่านเข้ามา สมองจึงต้องทำการกรองเฉพาะสิ่งสำคัญ ๆ
เท่านั้น (ตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป ซึ่งทำให้เราเกิดการหลงลืม นั่นเอง)
ในบางครั้ง การที่เราตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่มีหลายยี่ห้อวางอยู่ข้างกัน
ได้ในเวลา 2 วินาที นั้น เราคงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นสัญชาตญาณหรือ
ก็แค่อยากซื้อ ไม่มีเหตุผลที่เลือก แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นความรู้สึกแบบ “ควันหลง” ที่เราได้รับอิทธิพลมาจากโฆษณาที่เราเพิ่งดูก่อนหน้านี้
และนั่นทำให้การตัดสินใจของผู้บริโภคกว่า 50% ตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างฉับพลันโดยที่ไม่รู้ตัว
หรืออีกแง่หนึ่งเรื่องของการตลาดแบบที่เราปฏิบัติอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
เช่น การซื้อ โค้ก คู่กับ ป็อบคอร์น เวลาเข้าโรงหนัง หรือวิธีกินโอรีโอ ที่บอกว่า
บิด ชิมครีม จุ่มนม ...เหล่านี้ เป็นการตลาดทั้งสิ้น แต่ผู้บริโภคอย่างเรามักจะคล้อยตามไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ก็แค่ทำตาม ๆ กันไปเป็นกระแสนิยม หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่เรายึดถือกัน เช่น
วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันแห่งโชคร้าย
ที่ทำให้บางประเทศถึงกับมียอดการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าวันอื่น ๆ อย่างมหาศาล
หรือเลข 4 ที่ถือเป็นเลขอัปมงคลของชาวเอเชียที่คล้ายกับ ซี้ ที่แปลว่า ตาย
ในภาษาจีน นั่นเอง นี่ก็เป็นตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง กับ “การตลาดเชิงประสาทวิทยา”
ที่ผู้เขียนนั้นวิจัยและศึกษามาด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์พฤติกรรมของผู้บริโภค
...ภาพสยดสยองบนซองบุหรี่กระตุ้นให้เกิดความอยากสูบบุหรี่มากขึ้น,
โฆษณาที่เน้นความเซ็กซี่ทำให้เราจดจำสินค้าได้น้อยลง,
ภาพลูกหมาบนห่อกระดาษชำระกระตุ้นให้คุณอยากซื้อมันมากขึ้น,
แบรนด์แอปเปิ้ลกระตุ้นสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ของคุณ หรือ กลิ่นขนมปังอบใหม่ ๆ ตรงทางเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต
ทำให้คุณซื้อของมากกว่าที่ตั้งใจ เป็นต้น สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
คุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่ามันคงไม่มีเหตุผลใช่ไหมล่ะ? แต่คุณคิดผิด
เพราะทุกอย่างนี้ล้วนมีสิ่งลึกลับบางอย่างผลักดันอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสิ่ง ๆ นี้
ได้รับการรับรองจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เรียบร้อยแล้ว
หรือแม้กระทั่ง คุณผู้หญิงทั้งหลายที่ชอบ “ช้อปปิ้ง”
จึงมักจะต้องควักกระเป๋าอยู่เรื่อยไปโดยที่ไม่รู้ตัว!!
ถ้าคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
และอยากรู้สาเหตุของพฤติกรรมที่ทำให้กระเป๋าแฟบอยู่บ่อย ๆ ล่ะก็
ห้ามพลาดหนังสือเล่มนี้ค่ะ
“ตาดู หูฟัง สมองซื้อ มือจ่าย (Buyology)”
ผลงานของ
Martin Lindstrom ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดชั้นนำระดับโลก และเป็น 1 ใน 100
บุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ของสำนักพิมพ์ We Learn
สารบัญ
บทที่ 1 : เลือดขึ้นสมอง (การวิจัยด้านการตลาดเชิงประสาทวิทยา
ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์)
บทที่ 2 : ตรงนี้แหละใช่เลย (การโฆษณาแฝง อเมริกันไอดอล
และความผิดพลาดมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ของฟอร์ด)
บทที่ 3 : ฉันขอแบบที่โต๊ะโน้นสั่ง (เซลล์กระจกเงาออกปฏิบัติการ)
บทที่ 4 : ฉันชักมองอะไรไม่ค่อยชัดแล้วสิ (ข้อความซ่อนเร้นยังไม่หายไปไหน)
บทที่ 5 : คุณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติหรือเปล่า (ธรรมเนียม ความเชื่อโชคลาง
และเหตุผลที่เราซื้อของ)
บทที่ 6 : ฉันขอตั้งจิตอธิษฐาน (ศรัทธา ศาสนา และแบรนด์)
บทที่ 7 : เพราะอะไรฉันถึงเลือกเธอ (พลังของเครื่องหมายในสมอง)
บทที่ 8 : มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส (จู่โจมประสาทสัมผัสของเรา)
บทที่ 9 : คำตอบก็คือ... (การตลาดเชิงประสาทวิทยากับการคาดการณ์อนาคต)
บทที่ 10 : คืนนี้อยู่ด้วยกันนะ (เซ็กซ์ในการโฆษณา)
บทที่ 11 : บทสรุป (วันใหม่ป้ายแดง)
Buyology
ตอบลบ